วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จักรยานน้ำ








นางฟ้าโจลี่เรียกร้องโลกอย่าลืมผู้ลี้ภัย


นางฟ้าโจลี่เรียกร้องโลกอย่าลืมผู้ลี้ภัย
แองเจลินา โจลี่ ถ่ายทำโฆษณาเรียกร้องผู้คนทั่วโลกอย่าลืมผู้ลี้ภัย เนื่องในวันผู้ลี้ภัยโลก 20 มิถุนายน

แองเจลิน่า โจลี่ ในฐานะทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติถ่ายทำ ภาพยนตร์โฆษณาความยาว 27 วินาที เนื่องในวันผู้ลี้ภัยโลก 20 มิถุนายน เรียกร้องให้สาธารณชนหันมาสนใจบรรดาผู้ลี้ภัยทั่วโลก ซึ่งถูกบังคับให้ต้องละทิ้งถิ่นฐานของตัวเองเนื่องจากสงครามและการทำลายล้าง

ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยมากกว่า 40 ล้านคนทั่วโลกที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือ UNHCR

สเมอร์นอฟ เร่งขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ชาย


สเมอร์นอฟ เร่งขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ชาย ส่ง "มิว อาร์ทีดี" รับแนวโน้ม "พร้อมดื่ม" ขยายตัวสูง หวังแชร์ขยับแซงบาคาร์ดีขึ้นเบอร์ 2 ปีหน้า
นายกมลาศ พัฒนาไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไวท์สปิริตและอาร์ทีดี บริษัท ดิอาจิโอโมเอ็ท เฮนเนสซี่ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มลูกค้าผู้ชายให้ความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทพร้อมดื่ม หรือ อาร์ทีดี (Ready to Drink) มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 20-30 ปี บริโภคอาร์ทีดีเพิ่มขึ้น กว่า 50% ทำให้ตลาดขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทมองเห็นโอกาสทางการตลาด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สเมอร์นอฟ มิว อาร์ทีดี (Mule RTD) รองรับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 15% อีก 85% เป็นฐานลูกค้ากลุ่มผู้หญิง โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ชายและผู้หญิงมีฐานให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกันในอนาคต

มิว อาร์ทีดี ยังจะเป็นผลิตภัณฑ์หัวหอกในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของสเมอร์นอฟในตลาดอาร์ทีดี ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ในปีหน้า จาก ปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาด 19% เป็นอันดับที่ 3 โดยอันดับที่ 1 สปาย มีส่วนแบ่งการตลาด 55% อันดับที่ 2 บาคาร์ดี 23-24% ปัจจุบันตลาดอาร์ทีดีมีมูลค่า 2 ล้านลัง ขยายตัว 2%

"สเมอร์นอฟเพิ่งเปิดตลาดมาได้ 2-3 ปี เราถือเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ตลาดขยายตัว ซึ่งเทรนด์ของอาร์ทีดีมีอนาคตที่สดใสท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะด้วยความสะดวกในการซื้อและดื่มช่วยเสริมให้ตลาดขยายตัว" นายกมลาศ กล่าว

สำหรับช่องทางการจำหน่าย บริษัทมุ่งขยายครอบคลุมทั้งช่องทางออฟเทรด มีสัดส่วน 75% และ ออนเทรด 25% อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว สเมอร์นอฟ มิว อาร์ทีดี ยังจะผลักดันยอดขายรวมของสเมอร์นอฟในกลุ่มอาร์ทีดี ซึ่งประกอบด้วย สเมอร์นอฟ ไอซ์, สเมอร์นอฟ แบล็ค ไอซ์ และ สเมอร์นอฟ มิว เติบโต 20% ในปีนี้ โดยจัดสรรงบการทำตลาดปีนี้ทั้งสิ้น 200 ล้านบาท เป็นงบในส่วนของสินค้าใหม่ สเมอร์นอฟ มิว อาร์ทีดี 22 ล้านบาท

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันเพ็ญเดือนเจ็ด



เดือนเจ็ด - บุญซำฮะ

บุญซำฮะนิยมทำกันในเดือนเจ็ด จัดทำขึ้นเพื่อชำระล้างสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไรต่าง ๆ ออกจากหมู่บ้าน ตำบล เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนหายจากเหตุเภทภัยต่าง ๆ และอยู่เย็นเป็นสุข

มูลเหตุที่จะมีการทำบุญซำฮะ มีเรื่องเล่าว่า ครั้งพุทธกาลที่เมืองไพสาลีเกิดทุพภิกขภัย เพราะฝนแล้ง ผู้คนอดอยากล้มตายมากมาย ชาวเมืองจึงอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไประงับเหตุเภทภัย พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด โดยให้พระอานนท์เรียนคาถาแล้วไปสวดมนต์ในเมือง พร้อมนำบาตรน้ำมนต์ของพระองค์ไปประพรมจนทั่วเมืองทำให้ฝนตก ผู้คนอยู่เย็นเป็นสุข จึงทำให้เกิดประเพณีทำบุญซำฮะตั้งแต่นั้นมา

พิธีทำบุญซำฮะ ชาวบ้านจัดทำปะรำขึ้นในบริเวณหมู่บ้านแห่งใดแห่งหนึ่ง มีต้นกล้วยผูกเสาปะรำสี่มุม จัดอาสนะสงฆ์ เตรียมเครื่องบูชาพระรัตนตรัย ด้ายสายสินจน์ น้ำพระพุทธมนต์ ฝ้ายผูกแขน เครื่องไทยทาน กรวดทราย หลัดไม้ไผ่แปดหลัก ตอนเย็นนิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ตอนเช้าถวายภัตตาหาร ทำพิธีอยู่สามคืน เข้าวันสุดท้ายถวายสังฆทาน เสร็จพระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ แล้วคนเฒ่าคนแก่ผูกแขนให้ชาวบ้าน หว่านกรวดทรายทั่วละแวกบ้าน เอาหลักแปดหลักไปตอกไว้ในทิศทั้งแปดของหมู่บ้าน วงด้ายสายสิญจน์รอบหมู่บ้าน และชาวบ้านนำสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ เช่น ขยะมูลฝอย ภาชนะชำรุด และสิ่งที่จะทำให้เกิดสกปรก ฯลฯ ไปทิ้งนอกหมู่บ้าน หรือทำการเผาหรือฝัง ให้บริเวณบ้านสะอาดเรียบร้อย เป็นเสร็จพิธี

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กิฟฟารีน เปิดขายไลเซ่นส์


พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจครั้งใหญ่ด้วยการเปิดขายไลเซ่นส์ให้กับนักลงทุนทั่วไป เข้ามาลงทุนในรูปแบบศูนย์บริการชื่อว่า กิฟฟารีน อินเวสเตอร์โดยผู้ที่สนใจจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยบริษัทจะจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าบริหารศูนย์ธุรกิจ แต่มีข้อแม้ว่าผู้ลงทุนต้องไม่เป็นสมาชิกของกิฟฟารีน เพื่อป้องกันปัญหาการแย่งลูกค้าหรือรายได้ของสมาชิกในอนาคต โดยเน้นเปิดในพื้นที่ในเขตชุมชนเป็นหลัก ตั้งเป้า 10 แห่งในปีแรก

การขายไลเซ่นส์เป็นอีกก้าวสำคัญหลังจากเปิดดำเนินธุรกิจมา 13 ปี โดยก่อนหน้านี้ กิฟฟารีนได้นำร่องขายไลเซ่นส์ในตลาดต่างประเทศมาแล้ว ทั้งมาเลเซียและกัมพูชา ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี และกำลังขยายไปในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์"

ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญของการขยายธุรกิจในรูปแบบดังกล่าว เพื่อเพิ่มช่องกระจายสินค้า และอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกและลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันมีศูนย์กิฟฟารีนให้บริการ 95 แห่ง ซึ่งยังไม่ครอบคลุม


นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนกว่า 60 ล้านบาท ปรับปรุงศูนย์กิฟฟารีนทั้งหมดให้มีลักษณะเหมือนกับร้านสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม หรือ speciality store ด้วยแนวคิด Choose & Shop เพราะจากการวิจัยพบว่า การได้เห็นสินค้าและสัมผัสจับต้อง จะเป็นแรงกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะปรับปรุงเสร็จทั้งหมดภายในสองปี


พ.ญ.นลินี กล่าวต่อว่า ขณะนี้สัญญาณเศรษฐกิจและกำลังซื้อเริ่มดีขึ้น เห็นได้จากยอดการขายในเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากในเดือนเม.ย. ที่ยอดขายตกลงไปมาก จากความวุ่นวายทางการเมือง และเมื่อรวมผลประกอบการช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. พบว่าเพิ่มขึ้น 7% ส่วนปีนี้เชื่อว่าการดำเนินการต่างๆ จะทำให้เติบโต 10% ตามเป้าหมาย


และเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด บริษัทจะเดินหน้าจัดโปรโมชั่นและส่งเสริมการขายถี่ขึ้นและเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของนักธุรกิจก็จะเน้นฝึกอบรมมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริหารในระดับ paradise และ gold star ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก


สำหรับตลาดต่างประเทศ ก็จะขยายตลาดอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันมีทำตลาดอยู่ 30 ประเทศ โดยเน้นขยายไปในตลาดตะวันออกกลาง ทั้งนี้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่ที่ผ่านมากิฟฟารีนไม่ได้รับผลกระทบ โดยยอดออเดอร์ยังมีเข้าอย่างต่อเนื่อง เพราะสินค้าส่งไปเป็นกลุ่มสปา ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก


วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

sexy japanese girls bikini | sexy asian school girls: Miss Actress上原りん Rin Uehara 7

sexy japanese girls bikini sexy asian school girls: Miss Actress上原りん Rin Uehara 7

บริษัทฯ มีนโยบายโดยการมุ่งเน้นที่จะสนับสนุนให้สายงานต่างๆ ทำงาน และสามารถต่อสายงานได้ง่าย และตลอดไปโดยไม่มีอุปสรรค

........................................................................................................................................................................

ด้านผลิตภัณฑ์

- บริษัทฯ มุ่งหวังพัฒนาผลิตภัณฑ์ในสายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และความงามเท่านั้น จะไม่มีผลิตภัณฑ์ในลักษณะสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer product) เช่น ยาสระผม สบู่ หรือ เครื่องใช้ในครัวเรือน

- ผลิตภัณฑ์จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะทำให้เห็นผลในการเปลี่ยนแปลงเร็ว โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย และผลิตภัณฑ์มีจุดขายหรือมีคุณประโยชน์ ที่สมาชิกสามารถซื้อเพื่อบริโภค หรือแนะนำให้สายงานได้อย่างง่ายและชัดเจน

- ผลิตภัณฑ์จะต้องมีความหลากหลาย ซึ่งจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อสมาชิก ในการที่จะเลือกได้ตามความต้องการ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย และจำนวนเพิ่มมากขึ้นตลอดไป

........................................................................................................................................................................

ด้านราคา

- ผลิตภัณฑ์แต่ละผลิตภัณฑ์ จะต้องมีราคาที่เหมาะสม โดยราคาไม่สูงเกิน ตลอดจนสมาชิกสามารถ ดูรายละเอียดราคาผลิตภัณฑ์ในแต่ละผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งส่งผลให้สมาชิกสามารถซื้อเพื่อบริโภคหรือแนะนำได้อย่างง่าย

ด้านการขายตัดราคา

บริษัทฯ มีนโยบายชัดเจนในเรื่องการตัดราคาสินค้า โดยบริษัทฯ มีข้อห้ามอย่างเด็ดขาดในการวางผลิตภัณฑ์ จำหน่ายหน้าร้าน เช่น ร้านขายยา ร้านค้าต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีแนวทางในการป้องกันการขายตัดราคา ดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะต้องมี สติ๊กเกอร์
" ลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์ จำหน่ายผ่านระบบขายตรงเท่านั้นห้ามวางขายหน้าร้านเด็ดขาด "

2. สมาชิกท่านใด พบเห็นการวางจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน สามารถแจ้งเบาะแสให้บริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งจับโดยทีมทนายของบริษัทฯ เพื่อกำจัดการวางขายสินค้าหน้าร้านทัน (ภายใน 7 วัน) ตามกฎหมาย พ.ร.บ. การขายตรง
3. ทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น จะได้รับการจำหน่ายโดยจากสมาชิกหรือบริษัทฯ โดยตรงเท่านั้น
4. บริษัทฯไม่มีนโยบายในการเปิดคลัง หรือศูนย์โมบายต่างๆ เพื่อป้องกันการขายตัดราคา
5. กรณีการซื้อขายต่างจังหวัด สามารถติดต่อสมาชิก up line หรือ บริษัทโดยตรงเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ จะจัดส่งสินค้าภายใน 3 วัน โดยคิดค่าบริการ หรือไม่คิดค่าบริการตามกฎที่ได้วางไว้โดยบริษัทฯ

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรียนสมาชิกทราบ

เรียนสมาชิกทราบ

ผลตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับจากทางบริษัทฯ

1. ค่าแนะนำและค่าบริหารทีม ปิดยอดทุกวันพฤหัสบดี
" จะทำการจ่ายในวันพฤหัสบดีถัดไป "

2. MTA, ค่าบริหารองค์กรและโบนัสพิเศษ 5%
" จะทำการจ่ายทุกวันที่ 10 ของเดือนถัดไป "

**** ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ จะดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย 5%
และค่าใช้จ่ายในการโอนเงิน 30 บาท (ต่อรายการ)

........................................................................................................................................................................

เอกสารที่ใช้ประกอบการสมัครสมาชิก ได้แก่

1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (ออมทรัพย์)
**** กรุณาเตรียมให้ครบถ้วน และยื่นพร้อมกับใบสมัคร ****
... เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการโอนเงินให้กับท่าน ...

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

มะกรูดหลังบ้านทำอะไรได้มากกว่าที่คิด




ขึ้นต้นชื่อเรื่องว่ามะกรูดหลังบ้านทำอะไรได้มากกว่าที่คิด ใครที่อ่านผ่านแค่นี้คงเถียงว่าบ้านฉันปลูกหน้าบ้าน หรือไม่ก็ปลูกข้างบ้าน เอาเป็นว่าจะปลูกบริเวณไหนของบ้าน ทุกท่านก็สามารถอ่านแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนกันทั้งนั้นนะคะ
มะกรูดนั้นจัดเป็นไม้มงคลในตำราปลูกไม้ตามทิศ ให้ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) เพื่อเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านมีความสุข ทุกวันนี้เรารู้จักการใช้ประโยชน์จากมะกรูดน้อยมาก และมักใช้แต่ใบในเครื่องต้มยำ ทำเครื่องแกง หรือรู้ว่ามีประโยชน์ขจัดรังแค แต่เป็นรูปแบบแชมพูที่บรรจุขวดขายตามท้องตลาด แต่จะรู้จักประโยชน์ใช้สอยที่แท้จริงที่มากกว่านี้น้อยมาก

มะกรูดเป็นยาที่เด่นในเรื่องการฟอกเลือดสตรี และในเรื่องการขับลมและบำรุงหัวใจ หลายคนคงรู้จักและเคยใช้ยาดองน้ำมะกรูดที่ช่วงหนึ่งกระแสดังมาก แต่พักหลังๆ ก็ซบเซาไปเยอะ มะกรูดมีรสเปรี้ยว สรรพคุณของรสเปรี้ยวนั้นช่วยกัดฟอก ยาดองน้ำมะกรูดมีสรรพคุณกัดฟอกโลหิตและเสมหะได้ดี วิธีทำยาดองน้ำมะกรูด ทำง่ายๆ โดยเอามะกรูดลูกสดๆ ผ่าครึ่ง ดองกับเกลือนานสักเดือน แล้วรินเอาแต่น้ำยารับประทาน บ้างก็ดองกับน้ำผึ้ง

หมอบางท่านก็จัดเป็นตำรับดองกับยาหลายตัวเพื่อเสริมรสยาและแต่งกลิ่น ช่วยฟอกเลือดและบำรุงเลือด หรือใช้ขับประจำเดือนสำหรับผู้หญิงที่มากะปริดกะปรอย เอาผลมะกรูดผ่าครึ่งต้มกับน้ำใช้ดื่มสัก 5-6 วัน ช่วยขับประจำเดือนเลือดเน่าเสียที่ค้างได้เป็นอย่างดี และบำรุงร่างกายด้วย

ใช้ขับลม ให้เอามะกรูดสดฝานเอาแต่เปลือกไปบดให้ละเอียด หรือไม่ก็ปั่นให้ละเอียด ชงกับน้ำร้อนคนให้ตัวยาละลาย เหมาะกับผู้สูงอายุที่มักลมจับบ่อยๆ ขับลมและแก๊สได้ดี หรือชงแล้วเติมการบูรเล็กน้อยช่วยแก้ลมวิงเวียน

โบราณเขาเอาผลสดมาคว้านไส้ออกแล้วเอามหาหิงคุ์ใส่ลงไป นำไปเผาไฟแล้วบดเป็นผงละเอียด ใช้ชงกับน้ำผึ้งรับประทาน ช่วยขับลม แก้ปวดท้อง หรือเอาป้ายลิ้นเด็กเกิดใหม่จะช่วยขับขี้เทาได้ดีขึ้น และมีความเชื่อว่าจะช่วยให้เด็กไม่เจ็บไม่ป่วย มีความต้านทานโรคได้ดี อาจเรียกได้ว่าเป็นยาเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับเด็ก
นอกจากนี้ ยังนิยมนำมาทำยาดมแก้ลมวิงเวียน เข้ายากับสมุนไพรอื่นๆ เพื่อเสริมการขับลมและบำรุงหัวใจ อย่างเช่นยาดมส้มมือ เอาผิวมะกรูดตากแห้งบดละเอียดผสมกับเปลือกส้มโอมือ นึ่งแล้วนำไปตากแห้งบดละเอียด และยาหอมที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปที่เราชอบ ยาหอมบำรุงหัวใจ เอาผ้าห่อเป็นลูกเล็กใหญ่ตามชอบ ชุบพิมเสนน้ำ เก็บใส่ตลับยาหรือขวดแก้วเล็กๆ ไว้ใช้ ถ้าจะเป็นลมทนไม่ไหวแล้วหายาดมก็ไม่เจอ คว้าเอาลูกมะกรูดสดๆ นี่แหละขูดผิวเปลือกเบาๆ ให้น้ำมันหอมระเหยออก ใช้ดมแก้ลมวิงเวียนได้ทันใจ

ประโยชน์ของมะกรูดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การนำมาใช้สระผม เพราะใช้กันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว โดยเอาลูกมะกรูดสดเผาไฟให้นิ่ม คั้นเอาแต่น้ำใช้สระผม สรรพคุณขจัดรังแค รักษาชันตุ ช่วยทำให้ผมนุ่มลื่น หวีง่าย สำหรับใครที่ผ่านการดัด ย้อม โกรกผมจนผมเสีย สามารถใช้น้ำมะกรูดล้างสารเคมีที่สะสมในเส้นผมให้สะอาดขึ้น ค่อยๆ ช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมได้ ปัจจุบันร้านสปาบางแห่งเขาเรียกลูกค้าด้วยการใช้สมุนไพรสดๆ ทำให้เห็นกรรมวิธีการเตรียมสมุนไพรที่นำมาใช้ เช่น ใช้มะกรูดเผาไฟสระผม น้ำวุ้นว่านหางจระเข้บำรุงเส้นผม ขมิ้นและมะขามเปียกคั้นพอกขัดผิว ระหว่างนั้นก็ได้กลิ่น

สมุนไพรหอมๆ ไปด้วย ก็นับเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการให้บริการ หรือนำใบและลูกมะกรูดไปต้มอาบจะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น แต่ถ้าจะใช้แก้ปัญหาผมร่วง ทำให้ผมขึ้นไวและดกดำ ให้ใช้น้ำคั้นจากมะกรูด (จะใช้สดหรือเผาไฟให้นิ่มก่อนก็ได้) ผสมกับหัวกะทิ คนให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้นาน 15 นาที อาทิตย์ละครั้ง สัก 2-3 ครั้งจะเริ่มเห็นผล

ในตำรายาไทยยังใช้ส่วนอื่นของมะกรูดมาปรุงยารักษาโรคด้วย อาทิ ผิวลูกมะกรูด มีรสหอมร้อน ขับลมในลำไส้ ขับระดู ขับผายลม น้ำมะกรูดรสเปรี้ยว แก้ศอเสมหะ ฟอกโลหิตระดู ราก รสเย็นจืด ใช้แก้พิษภายใน แก้เสมหะเป็นโทษ แก้ลมจุกเสียด กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษสำแดง ใบ มีรสหอมปร่า แก้ไอ ขับลม แก้ช้ำใน และดับกลิ่นคาว สำหรับน้ำมันหอมระเหยมะกรูดก็มีการนำมาใช้ประโยชน์ทั้งวงการยา เครื่องสำอาง นอกจากนี้งานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มศว พบว่าน้ำมันหอมระเหยของใบและผลมะกรูดช่วยขับไล่แมลงและหนอนศัตรูพืชได้อย่างดี ในอนาคตจะมีการพัฒนาเพื่อนำไปใช้ในวงการเกษตรเพื่อส่งเสริมเกษตรปลอดสารเคมีให้ขยายตัวมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ด้านภูมิปัญญา ใช้ใบมะกรูดใส่ในถังข้าวสารช่วยป้องกันข้าวสารเป็นมอด และทำให้ข้าวสารมีกลิ่นหอมด้วย และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเชื่อของชาวบ้านในสมัยก่อนที่ต้องเดินทางเทียมเกวียน เส้นทางมักเป็นป่า สัตว์ที่เทียมเกวียนก็เป็นวัวหรือควาย เมื่อได้กลิ่นสาบเสือจะหยุดไม่ยอมเดินต่อ เจ้าของจึงต้องใช้มะกรูดหรือมะนาวขูดเอาน้ำมันหอมระเหยให้ดมกลบกลิ่นสาบเสือก่อน วัวหรือควายจึงจะเดินต่อได้
มะกรูดไม่ได้มีประโยชน์หรือใช้ประโยชน์แค่ใบเท่านั้น มีความรู้เกี่ยวกับมะกรูดแล้วลองดูสิว่า คุณจะใช้มะกรูดทั้งต้นให้ได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่.

ข้อเข่าเสื่อมในสตรี วัยหมดประจำเดือน




ผู้หญิงมีโอกาสเกิดภาวะกระดูกข้อเข่าผุกร่อนเสื่อมทรุดฉีกขาดมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อน้อยกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในหญิงหลังหมดประจำเดือน รวมถึงอิริยาบถในแบบฉบับเฉพาะของผู้หญิงที่อาจส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว

.อ.น.พ.จำรูญเกียรติ ลีลเศรษฐพร ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูข้อเสื่อมโรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ภาวะ "ข้อเข่าเสื่อม" เป็นภาวะที่กระดูกอ่อนของข้อเข่าสึกหรอ ฉีกขาด
จนไม่สามารถหล่อลื่นข้อเข่าให้ใช้งานเป็นปกติได้ บางครั้งอาจมีหมอนรองกระดูกฉีกขาดร่วมด้วย เมื่อกระดูกอ่อนสึกหรอจนถึงกระดูกแข็ง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเข่าเวลาลงน้ำหนักเข่าขณะเดินหรือขึ้นลงบันได

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมที่สำคัญ ได้แก่ การมีน้ำหนักตัวมาก จะทำให้ข้อเข่าต้องทำงานหนักเกิดการสึกหรอได้เร็วหรือผู้มีอาชีพที่ต้องใช้ข้อมากกว่าคนปกติและมีการใช้งานของข้อซ้ำๆ รวมทั้งมีแรงกดที่ข้อมาก และเป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ทำงานแบกหาม นักกีฬาที่ต้องกระโดดบ่อยๆ พนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า แม่บ้าน

นอกจากนี้ ผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ข้อแบบผิดๆ เช่น นั่งพับเพียบนานๆ นั่งยองๆ นั่งคุกเข่า ผู้ที่ชอบอยู่ในท่างอข้อเข่าเป็นเวลานาน หรือผู้หญิงที่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ เป็นเวลานาน เดินขึ้น-ลงบันไดบ่อยๆ และการใช้ส้วมแบบนั่งยองๆ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะข้อเสื่อมได้ง่าย อาการที่สังเกตพบ คือมีอาการปวดข้อเข่าเวลายืน เดิน หรือขึ้นลงบันได แต่เวลาพักหรือใช้งานน้อยลงจะไม่ปวด จนเมื่อข้อเข่าเสื่อมมากขึ้นจะทำให้มีอาการกล้ามเนื้อด้านหลังเข่าตึงและปวด อีกทั้งอาจมีอาการปวดข้อเข่าตอนกลางคืน
หรือเวลาอากาศเย็นชื้น อาจมีเสียงดังขณะเคลื่อนไหว หรืออาจปวดมากเวลาเปลี่ยนท่านั่งเป็นยืน
หากผู้ป่วยยังเพิกเฉยไม่รักษาจริงจังจะส่งผลให้ข้อเข่าโก่งงอ ปวดทุกครั้งที่เคลื่อนไหว โดยเฉพาะเวลาลงน้ำหนัก เนื่องจากกระดูกบริเวณข้อเข่าจะสัมผัสกันโดยตรง โดยไม่มีกระดูกอ่อนคั่นกลาง การทรุดตัวของกระดูกอ่อนและกระดูกข้อเข่า ทำให้ข้อเข่ามีลักษณะโก่งงอผิดรูปเพิ่มขึ้นจนเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้า หรืออุปกรณ์ช่วยเดิน
แนวทางการรักษาภาวะข้อเข่าเสื่อม เริ่มตั้งแต่การรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา คือ การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
หลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นอันตรายต่อข้อเข่า เช่น การนั่งพับเพียบ หรือนัดขัดสมาธิ การลดน้ำหนัก การออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อข้อเข่า และการทำกายภาพบำบัด สำหรับแพทย์พิจารณาแนวทางการรักษา 2 แนวทาง คือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก มีขาผิดรูปน้อย แพทย์จะให้รับประทานยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่า นอกจากนี้ การออกกำลังกาย การใช้ผ้ายืดพยุงเข่า หรือใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้ค้ำยัน และการทำกายภาพบำบัด สามารถบรรเทาอาการปวดได้
ส่วนการรักษาโดยการผ่าตัด จะทำในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่า ข้อเข่าของผู้ป่วยมีการเสื่อมค่อนข้างมาก และไม่สามารถรักษาโดยการใช้ยาหรือทำกายภาพบำบัดได้ การรักษาโดยวิธีการผ่าตัดมีอยู่หลายวิธีตามสภาพและความรุนแรงของข้อเข่าที่เสื่อม
น.อ.น.พ.จำรูญเกียรติกล่าวว่า การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความชำนาญและประสบการณ์ในการผ่าตัดข้อเข่าเทียมของแพทย์ผู้ผ่าตัด รวมถึงการพัฒนาการออกแบบข้อเข่าเทียมให้ดีมากขึ้น ทำให้มีข้อเข่าเทียมให้แพทย์เลือกใช้หลายชนิด ซึ่งมีประเภทและราคาแตกต่างกัน มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งาน และอายุการใช้งานของข้อเข่าเทียม ปัจจุบันมีการพัฒนาข้อเข่าเทียมรุ่นใหม่ ให้มีอายุการใช้งานที่นานยิ่งขึ้น และงอเข่าได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับข้อแนะนำเพื่อถนอมการใช้งานของข้อให้นาน คือ ต้องรู้จักดูแลความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกที่แข็งแรงในผู้ป่วยที่มีอาการบ่งชี้ของภาวะข้อเข่าเสื่อมต้องพบแพทย์โดยเร็ว ก่อนที่ภาวะข้อเข่าเสื่อมจะเป็นมากเกินไป ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดแล้ว แม้จะหายปวดข้อเข่าและกลับไปใช้งานได้ดี ควรกลับไปพบแพทย์เป็นระยะๆ ตามที่แพทย์นัดเพื่อให้ใช้ข้อเข่าใหม่ได้นานที่สุด

น้ำมันมะรุม มหัศจรรย์สมุนไพรไทย

สรรพคุณของมะรุม นั้นสามารถนำทั้งใบ ทั้งฝัก เมล็ด
มาใช้ประโยชน์ได้หมด
มะรุมเป็นพืชมหัศจรรย์ (Elixir Tree) กล่าวว่า มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน
นอกจากนี้ มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค นั่นคือ
วิตามินเอบำรุงสายตามีมากกว่าแครอต 4 เท่า
วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด 0.5 เท่าของส้ม
แคลเซียมบำรุงกระดูกเกิน 17 เท่าของนมสด
โพแทสเซียมบำรุงสมองและระบบประสาท 15 เท่าของกล้วย
ธาตุเหล็กบำรุงเลือด 25 เท่าของผักโขม
โปรตีน 9 เท่าของโยเกิร์ต
ใยอาหารและพลังงานไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุมมีองค์ประกอบคล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
จากอาหารมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นผลิตชาใบมะรุมออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบุว่าใช้ แก้ไขปัญหาโรคปากนกกระจอก หอบหืด อาการปวดหูและปวดศรีษะ ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดิน อาหาร และช่วยระบายกาก
ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก แต่ที่ประเทศที่ฟิลิปปินส์และบอสวานาหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะกินแกงจืดใบมะรุม (ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก มาลังเก) เพื่อประสะน้ำนมและเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย
ชะลอความแก่ กล่าวกันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน(rutin และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และcaffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย
ฆ่าจุลินทรีย์ สานเบนซิลไทโอไซยาเนตโคไซด์และเบนซิลกลูโคซิโนเลตค้นพบในปี พ.ศ. 2507จากมะรุมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สนับสนุนการใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู _
ปัจจุบันหลังจากค้นพบแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร Helicobactor pylori กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อดังกล่าว
การป้องกันมะเร็ง สารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ชนิดหนึ่งและสารไนอาซิไมซิน(niazimicin) จากมะรุมสามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้นโดยสารฟอบอลเอสเทอร์ในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ การทดลองในหนูพบว่าหนูที่ได้รับฝักมะรุมเป็นอาการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจากการกระตุ้นน้อยกว่ากลุ่มทดลอง โดยกลุ่มที่กินมะรุมเนื้องอกบนผิวหนังน้อยกว่ากลุ่มควบคุม
ฤทธิ์ลดไขมันและคอเลสเทอรอล จากการทดลอง 120 วัน ให้กระต่ายกินฝักมะรุม วันละ 200กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันเทียบกับยาโลวาสแตทิน 6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันและให้อาหารไขมันมาก พบว่าทั้งกลุ่มที่กินมะรุมและยามีคอเลสเทอรอลฟอสโฟไลพิด ไตรกลีเซอไรด์ VLDL LDL ปริมาณคอเลสเทอรอลต่อฟอสโฟไลพิด และ atherogenic index ต่ำลงทั้ง 2 กลุ่มมีการสะสมไขมันในตับ หัวใจ และท่อเลือดแดง (เอออร์ตา) กลุ่มควบคุมปัจจัยด้านการสะสมไขมันใน
อวัยวะเหล่านี้ไม่มีค่าลดลงแต่อย่างใด กลุ่มที่กินมะรุมพบการขับคอเลสเทอรอลในอุจจาระเพิ่มขึ้น ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการกินมะรุมมีผลลดไขมันในร่างกาย

ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่มีโรคอ้วนมาแต่เดิม การศึกษาการกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูงมีปริมาณคอเลสเทอรอลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้กลุ่มทดลองมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณไขมันทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง
ฤทธิ์ป้องกันตับ งานวิจัยการให้สารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมะรุมกรณีทำให้ตับหนูทดลองเกิดความเสียหายโดยยาไรแฟมไพซิน พบว่าสารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันตับ โดยมีผลกับระดับเอนไซม์แอสาเทตอะมิโนทรานสเฟอเรสอะลานีนทรานมิโนทรานสเฟอเรส อัลคาไลน์ฟอสฟาเทสและบิลิรูบินในเลือดและมีผลกับปริมาณไลพิดและไลพิดเพอร์ออกซิเดสในตับ โดยดูผลยืนยันจากการตรวจชิ้นเนื้อตับ
สารสกัดใบมะรุมและซิลิมาริน (silymarin กลุ่มควบคุมบวก) มีผลช่วยการพักฟื้นของการถูกทำลายของตัวจากยาเหล่านี้

ช่วยลบรอยจุดด่างดำของผิวอันเป็นแผลจากการโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย
นำมาใช้ทาบริเวณใบหน้าที่เป็นฝ้าดำ ทั้งสองข้าง ก่อนเข้านอนทาเพียงบางๆ ไม่ต้องทามาก เพราะของแพง กลัวหมดเร็วทาได้สัก 3 วัน มีคนทักว่า ไปทำอะไรมาหน้าใสขึ้นตั้งเยอะคนทักก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลหรอกครับ ก็คนที่นอนอยู่ข้างๆนี่เองไม่ต้องไปใช้ครีม ที่มีสารเคมีอันตรายเจือปน


[ที่มา..นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 29 ฉบับที่ 338 มิถุนายน 2550>

Oil Pulling (OP)--ออยพูลลิ่ง



Oil Pulling (OP)--ออยพูลลิ่ง


ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling) แปลโดย หมอแดง ดิ อโรคยา
Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่ประเทศ USSR ปี 2534-2535
การประชุมนั้นมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเนื้องอก และแบคทีเรีย
ซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรค ที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้ น้ำมันสกัดเย็น หรือ หีบเย็น (สกัดน้ำมันออกมาโดยใช้ความร้อนต่ำ หรือไม่ใช้ความร้อนเลย)
ผลลัพธ์ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัย ในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษาด้วยน้ำมันสกัดเย็น มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำพิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายโรค
ในบางกรณี บางรายที่ไม่ต้องการรักษาโรคด้วยการผ่าตัดหรือการกินยา ก็ได้ใช้วิธีการนี้บำบัด ซึ่งก็เป็นผล อีกทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยาเคมี
กระบวนการบำบัด และผลที่ได้รับที่น่าตื่นเต้นตามทฤษฎีนี้ กลับแสนง่าย โดยเริ่มต้นที่ใส่น้ำมันสกัดเย็นเข้าไปในปาก (น้ำมันทานตะวัน น้ำมันงา หรือน้ำมันสกัดเย็นอื่น ไม่จำเป็นต้องกลั่นโดยวิธีธรรมชาติเสมอไป น้ำมันทานตะวันที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตก็พอใช้ได้แล้ว)
กระบวนการบำบัดจะบรรลุผลสำเร็จด้วยระบบบำบัดของผู้นั้นเอง ในกรณีนี้อาจจะไปบำบัดเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ในเวลาเดียวกัน ร่างกายเองก็จะขับสารพิษออกทิ้งไม่ให้รบกวนระบบต่างๆ ของร่างกาย
Dr.Karach กล่าวว่า คนเราส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งหนึ่งของชีวิตที่น่าจะเป็น ความจริงแล้วถ้าสุขภาพที่ดีจะมีอายุได้ถึง 140- 150 ปี

D.HA (ดีฮา) น้ำมันสกัดดีเอชเอ



D.HA (ดีฮา) น้ำมันสกัดดีเอชเอ ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรง สูงสมาร์ทด้วย IQ และ EQ เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ทางสมอง ความฉลาด สติปัญญา และการเจริญเติบโต
คุณค่าของน้ำมันสกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเล(Marine Oil หรือ Fish Oil)เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เพราะน้ำมันสกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเล ประกอบด้วย DHA (ดีเอชเอ) DHA เป็นกรดไขมันที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมอง และระบบสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึง 2 ปี เนื่องจากสมองเด็กมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยพัฒนาได้มากกว่า 80 % ของน้ำหนักสมองของผู้ใหญ่ ภายในอายุ 3 ขวบปี ดังนั้นเด็กๆ ในวัยนี้จึงต้องการDHA ในปริมาณมากและจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องได้รับอย่างเพียงพอ เพื่อใช้ในการพัฒนาสมองและสายตาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ในสมองและประสาทตาของคนเราประกอบด้วยเซลล์ไขมันหลายชนิด แต่ชนิดที่มีมากที่สุดถึง 40 % ของกรดไขมันในสมองและ 60 % ของกรดไขมันในประสาทตา ก็คือ DHA(ดีเอชเอ)
ส่วนประกอบที่สำคัญ
กรดโดโคซาเฮกซาโนอิก(DHA), กรดไอโคซาเพนตาโนอิค(EPA), แคลเซี่ยม, วิตามินซี, เอ, และดี
คุณสมบัติ DHA ในรูปแบบของ Emulsion
วัตถุดิบมีความเข้มข้นของ DHA 49 % และ EPA 5 % นำเข้าวัตถุดิบจากประเทศแคนาดา DHA ในรูปแบบของ Emoulsion ผ่านกรรมวิธีการผลิตรูปแบบ Emoulsion ในเทคนิคพิเศษ โดยไม่ใช้ความร้อนสกัด เพื่อป้องกันการสลายตัวของ DHA และได้จดลิขสิทธิ์ไว้กับกรมทรัพย์สินทางปัญหา ภายใต้ ยูนิแคร์ เอช.เอฟ(ไทยแลนด์) จำกัด
ตัวอย่างปริมาณของDHA(ดีเอชเอ) ที่มีในอาหารต่อไปนี้(กรัม/100 กรัมของกรดไขมันทั้งหมด) เช่น เนื้อไก่ 1 กรัม, ปลาคอด 33 กรัม, ปลาแฮดดอก 24 กรัม, ปลาเฮอริง 6 กรัม, ปลาอินทรีย์, ปลาทู อย่างละ 13 กรัม, ปู 10 กรัม, กุ้ง 15 กรัม, หอยแมลงภู่, หอยกาบ, หอยกระพง, หอยนางรม อย่างละ 4 กรัม, หอยแครง 15 กรัม
เราพบว่า DHAตามธรรมชาตินั้น มีปริมาณต่ำในอาหารทั่วไป แต่จะมีมากในอาหารทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอล ปลาเทราต์ และสาหร่ายทะเลบางชนิด ในระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดานั้น เด็กทารกจะได้รับDHA จนถึงหลังคลอด และยังได้รับDHA ต่อเนื่องไปผ่านทางน้ำนมมารดา ส่วนปริมาณของDHA ที่เด็กได้รับจากน้ำนมของมารดาจะมีมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับอาหารที่มารดาบริโภค โดยเฉพาะเด็ก 1 ขวบปีขึ้นไป ควรบริโภคปลาทะเลอย่างเพียงพอ เพื่อให้ได้รับDHA ไปใช้ในการพัฒนาสมอง นอกจากนี้ ถ้ามารดามีปัญหาในการให้นมบุตร ก็สามารถใช้DHAในรูปของน้ำมันสกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่ผสมในนมผงทดแทนได้อีกด้วย
ปริมาตรสุทธิ 150 มล.
วิธีรับประทาน วันละ 1 ช้อนชา(5 มล.) - 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) ก่อนหรือหลังอาหาร

มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด

ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรู้ประโยชน์ของผลไม้หรือผักว่ามีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่เชื่อไหมว่า ผลไม้บางชนิด มีแร่วิตามินและแร่ธาตุที่พิเศษแตกต่างกันออกไป

มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด ที่มีผล "โดยตรง" กับสุขภาพของ "ผู้หญิง"
ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญลูกพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย

ถั่ว : อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งมีในถั่วมาก) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ความอยากอาหารจะลดลง แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากด้วย จึงไม่เหมือนไฟเบอร์อื่นๆ ที่ไม่ให้สารอาหารที่มีคุณค่ากับร่างกาย นั่นทำให้ผู้หญิงรูปร่างดีโดยที่ไม่ขาดสารอาหารด้วย

บรอคโคลี : เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้

กล้วย : ในกล้วยไข่มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุเลย 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมของร่างกายเริ่มมาเยือนช้าๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อร่างกายเสื่อมสภาพ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระก็ลดลงอย่างตกใจ ดังนั้นสาวๆ ควรสนใจรับประทานกล้วย โดยเฉพาะกล้วยไข่ให้มากขึ้นก็จะยอดมาก!

ฝรั่ง : เชื่อหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง "คอลลาเจน"ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยานก่อนวัย

แอปเปิ้ล : มีสารอาหารที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ยามใดก็ตามที่หิวจนกินช้างหมดตัวได้ กินแอปเปิ้ลสักลูกจะดีกว่ามากๆ เลย (จริงๆ นะ)

ส้ม : แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติอันอุดม รู้ไหมว่า การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้อิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว